เราจำเป็นต้องมีทั้ง AntiVirus และ VPN หรือเปล่านะ ?
การใช้สื่อออนไลน์ ต่อให้จะสะดวก และรวดเร็วต่อการทำงาน และการใช้ชีวิต แต่ผลเสียเองก็มากมายด้วยเช่นกัน นั่นเป็นสาเหตุที่การป้องกันความเป็นส่วนตัว และการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ ถือเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม ในปัจจุบัน พบภัยคุกคาม รวมไปถึงการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ต่อเนื่อง และนี่เอง ก็ทำให้เครื่องมือปกป้องความปลอดภัยของการใช้อินเทอร์เน็ต เป็นสิ่งสำคัญต่อผู้ใช้งานทุกคนนั่นเองค่ะ
Antivirus ซอฟต์แวร์สำคัญ ในการกำจัดไวรัส ที่ทุกอุปกรณ์ควรมี
AntiVirus มีหน้าที่ในการทำให้อุปกรณ์มีความปลอดภัย จากการคุกคามในรูปแบบต่างๆ สามารถติดตั้งได้ทั้งบนตอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟน
หลักการทำงานของ AntiVirus
AntiVirus สามารถแบ่งการทำงานได้เป็น 2 รูปแบบ คือระบุชื่อของไวรัสที่รู้จัก และตรวจสอบผลของการทำลาย จากไวรัสที่พบเจอ โดยโปรแกรม AntiVirus นี้ เปรียบเสมือนยาสามัญประจำอุปกรณ์ไอทีก็ว่าได้ และไวรัส ก็เปรียบเสมือนโรคร้าย หากมีโรคใหม่เกิดขึ้น เราก็จะต้องหายาป้องกันให้พร้อม นั่นก็คือ AntiVirus ที่ติดอยู่ในทุกๆ อุปกรณ์นั่นเอง
โปรแกรมสแกนไวรัส จะค้นหา และทำลายไวรัสที่ไฟล์โดยตรง ซึ่งในทุกๆ วัน สามารถเกิดไวรัสชนิดใหม่ขึ้นได้เสมอ นั่นเป็นสาเหตุ ที่ทำให้เราต้องหมั่นอัปเดตโปรแกรมป้องกันไวรัสอยู่เสมอ โดยในแต่ละองค์กร จะใช้โปรแกรมสแกนไวรัสที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการทำงาน และหน้าตาที่แตกต่างกันด้วย ทั้งนี้ ในอุปกรณคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง ไม่ควรมี AntiVirus 2 โปรแกรม เพราะอาจจะทำให้โปรแกรมขัดแย้งกันเอง จนไม่สามารถใช้งานได้
ซึ่งเราสามารถสรุปได้ว่า AntiVirus คือโปรแกรมที่ป้องกันไวรัส และสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ภายในอุปกรณ์ไอทีนั่นเอง
VPN เครือข่ายเพิ่มความปลอดภัย ในการใช้อินเทอร์เน็ต
VPN (Virtual Private Network) เครือข่ายที่สร้างขึ้นมา เพื่อให้สามารถรับส่งข้อมูลได้อย่างปลอดภัย เพิ่มความเป็นส่วนตัวในการท่องโลกออนไลน์ และยังช่วยเข้าสู่เว็บไซต์ และแอปพลิเคชันที่ปิดกั้นเฉพาะพื้นที่ได้
VPN เพิ่มความปลอดภัยอย่างไร
VPN สามารถเปลี่ยนที่อยู่ IP ซึ่งเป็นสิ่งที่ระบุตัวตน และที่อยู่ของคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อื่นๆ โดยวางตำแหน่งของเรา ไว้ในตำแหน่งที่ตั้งอื่นได้
นอกจากนั้น VPN ยังทำให้เราอยู่ในตำแหน่งเดียวกับที่ตั้งของเครือข่าย เช่น หากเราอยู่ในประเทศไทย และต้องการรับชมรายการต่างประเทศ แต่ไม่สามารถรับชมได้ เพราะถูกปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูล ให้สามารถรับชมได้เฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งเมื่อได้เปลี่ยน VPN เป็นประเทศนั้นแล้ว จะสามารถเข้าถึงข้อมูลรายการที่ต้องการชมได้ เสมือนกับเราอาศัยอยู่ในประเทศนั้น
และ VPN ยังช่วยปกปิดตัวตนจากเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และบริการที่ต้องการติดตามเรา รวมไปถึงสามารถซ่อนกิจกรรมจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตได้อีกด้วย
ซึ่งในส่วนของ VPN เราสามารถสรุปได้ว่า เป็นสิ่งที่ป้องกันความปลอดภัยในการใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพิ่มความเป็นส่วนตัว และปกปิดตัวตนได้
เปรียบเทียบ AntiVirus และ VPN
ปกป้องอุปกรณ์จากไวรัส และการโจมตีอื่นๆ | ไม่ระบุตัวตน และป้องกันการรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต |
มุ่งเน้นไปที่การปกป้องอุปกรณ์จากมัลแวร์เป็นหลัก | ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว และการรักษาความลับ |
ปกป้องระบบของเรา จากไวรัสเพียงเท่านั้น | เปลี่ยนที่อยู่ IP เพื่อเปิดการปิดกั้นเว็บไซต์ และอันตรายจากแฮกเกอร์ |
ป้องกันคอมพิวเตอร์ จากไวรัส และมัลแวร์โดยบุคคลอื่น | เพิ่มความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูล จากการเข้ารหัสดักฟัง |
สรุปแล้วเราจำเป็นต้องมีทั้ง AntiVirus และ VPN หรือไม่ ?
จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่า AntiVirus คือโปรแกรมที่เพิ่มความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ ในขณะที่ VPN คือเครือข่ายที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว ในการใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้ ทำหน้าที่ปกป้องความปลอดภัย ในส่วนที่แตกต่างกัน ดังนั้น หากอุปกรณ์ของเรา สามารถมีทั้ง 2 เครื่องมือนี้ ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มความปลอดภัยจากทุกส่วน ทั้งการใช้อินเทอร์เน็ต รวมไปถึงการใช้อุปกรณ์แบบออนไลน์ และออฟไลน์นั่นเอง
หรือหากต้องการผู้ช่วย ในการช่วยเพิ่มความปลอดภัย ของการใช้อุปกรณ์ไอที และการท่องโลกออนไลน์ TechSpace ยินดีให้คำปรึกษานะคะ เรามีทั้งบริการติดตั้ง VPN และโปรแกรม AntiVirus รวมไปถึงบริการด้านไอทีต่างๆ แบบครบวงจร เพื่อให้ลูกค้า สามารถใช้งานจากอุปกรณ์ไอที เครือข่าย อินเทอร์เน็ต รวมไปถึงระบบต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง และไม่มีสะดุดค่ะ
สำหรับใครที่สงสัยหรืออยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถทัก Inbox เข้ามาหาเราได้เพียง
m.me/TechSpaceIT
Line : @TechSpace
☎ Tel. 02-381-9075
🌎 www.techspace.co.th